แต่ก่อนนี้การเสริมวิตามินแร่ธาตุเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการสนับสนุน เพราะเชื่อว่ากินอาหารให้ครบหมวดหมู่ก็พอ แต่ข้อมูลการวิจัยในปัจจุบันได้พลิกข้อแนะนำก่อนหน้านี้นั่นคือ การเสริมวิตามินแร่ธาตุรวมหรือมัลติวิตามิน เป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด ช่วยให้สุขภาพดี ป้องกันการขาดสารอาหาร รวมถึงการป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ
เสริมวิตามินแร่ธาตุรวมวันละเม็ดเพื่อประกันสุขภาพ
เนื่องจากมัลติวิตามินมีราคาถูกและปลอดภัย และส่วนใหญ่มีปริมาณวิตามินและแร่ธาตุเพียงพอที่จะช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง ป้องกันหัวใจวาย มะเร็งลำไส้ใหญ่ เสริมสุขภาพสมองและเพิ่มภูมิต้านทาน แม้เราจะวางแผนในการกินที่ดีอย่างไร ก็ยากที่จะได้สารอาหารมากกว่า 40 ชนิดอย่างครบถ้วนสม่ำเสมอในแต่ละวัน
นักวิจัยจึงแนะนำให้ผู้ใหญ่ทุกคนรับประทานมัลติวิตามินทุกวัน วันละ 1 เม็ด เป็นการประกันสุขภาพโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะนอกจากจะป้องกันการขาดสารอาหารแล้ว ยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานและลดความเสี่ยงโรคหัวใจอีกด้วย
มัลติวิตามิน อันตรายไหม
แม้การเสริมมัลติวิตามินและแร่ธาตุจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่อาหารเสริมแต่ละยี่ห้อจะมีส่วนประกอบในปริมาณแตกต่างกัน แต่ถ้ามีองค์ประกอบวิตามินบางตัวมากเกินไปก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะถ้ามีวิตามินชนิดที่ละลายในไขมัน (วิตามินเอ ดี อี เค), วิตามินที่ละลายในน้ำ (บี1, บี2, บี6, บี12, ซี) เกินขนาด เพราะร่างกายขจัดส่วนเกินของวิตามินเหล่านั้นออกจากร่างกายได้ยาก
การเสริมเกินขนาด มักจะเกิดกับผู้ที่เสริมวิตามินหลายขนาน จนเสี่ยงได้รับวิตามินเกินและอาจเป็นพิษต่อร่างกายได้ เช่น วิตามินเอเป็นพิษ ทำให้ม้ามและตับโต และอาจเพิ่มความเสี่ยงกระดูกสะโพกหักได้ แต่ถ้าได้เบต้าแคโรทีนมาก(ซึ่งร่างกายใช้เปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอได้) จะไม่ก่อให้เกิดพิษเหมือนวิตามินเอ วิตามินดีมากเกินไปเป็นพิษทำลายไต เป็นต้น
การเสริมมัลติวิตามินควรเลือกวิตามินเอในรูปเรทตินอลไม่เกิน 3000 ไอยู เลือกวิตามินเอที่มาจากเบตาแคโรทีนเป็นเปอร์เซนต์หลักและที่เหลือมาจากเรทตินอล นอกจากนี้ควรดูปริมาณธาตุเหล็กในมัลติวิตามิน สำหรับผู้ชายและหญิงวัยหมดประจำเดือนไม่จำเป็นต้องเลือกธาตุเหล็กในปริมาณ 100% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับประจำวัน (RDA) แต่เลือกเพียงแค่ 50% ก็เพียงพอ
การได้รับธาตุเหล็กมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายสะสมและเป็นอันตรายต่ออวัยวะบางส่วนได้ วิตามินบี 6 เป็นอีกตัวที่ควรระวังเพราะถ้าเสริมเกินขนาดอาจเป็นอันตรายต่อระบบประสาทได้
วิตามินบางตัวในมัลติวิตามิน จะไม่เคยมีปริมาณถึง 100% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับประจำวัน เช่น แคลเซียมและแมกนีเซียม เพราะจะทำให้วิตามินเม็ดโตเกินไปและกลืนลำบาก โดยส่วนใหญ่มัลติวิตามินจะมีปริมาณวิตามินดี 100% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับประจำวัน (400 ไอยู)
ปัจจุบันข้อมูลบ่งชี้ว่า ผู้ที่อายุ 70 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินดี วันละ 1000 ไอยู ซึ่งควรจะเลือกจากแคลเซียมที่มีวิตามินดีรวมอยู่ ผู้ที่บริโภคนมหรือผลิตภัณฑ์นมไม่ถึงวันละ 3 หน่วยบริโภค อาจต้องเลือกเสริมแคลเซียมเพิ่มเติม ส่วนแมกนีเซียมหาทานได้จากอาหารทั่วๆไป เช่น ผักใบเขียว ถั่วต่างๆ ปลา กรณีที่เสริมแคลเซียม ไม่ควรรับประทานพร้อมวิตามินรวมที่มีธาตุเหล็ก เพราะจะลดการดูดซึมซึ่งกันและกัน
วิตามินเคเป็นอีกตัวที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรง แต่มัลติวิตามินส่วนใหญ่มีวิตามินเคน้อยกว่า100% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับประจำวัน หากต้องการเพิ่มก็เลือกเพิ่มเป็นตัวๆไปแต่ไม่ควรเพิ่มปริมาณมัลติวิตามินเป็นสองเท่าเพราะจะเสี่ยงได้รับวิตามินตัวอื่นๆเกินระดับไปด้วย
เลือกเสริมวิตามินมื้อไหนดี
ควรเสริมหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ โดยเลือกมื้อใหญ่ที่สุดเพื่อให้มีโอกาสดูดซึมมากที่สุดและลดอาการอาหารไม่ย่อย หรืออาจเลือกเวลาที่สะดวกที่สุดของตัวเองแทนก็ได้ แต่สิ่งที่ผู้บริโภคต้องจำให้ขึ้นใจคือ การเสริมเป็นเพียงตัวช่วยแต่ไม่สามารถแทนอาหารหลักได้ เพราะให้สารอาหารได้มากกว่าในวิตามินและแร่ธาตุเพียง 1 เม็ด โดยเฉพาะมีเส้นใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ และสารพฤกษเคมี สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในผักผลไม้และธัญพืชบางชนิดอาจป้องกันโรคข้ออักเสบได้ด้วย
เลือกเสริมมัลติวิตามินและแร่ธาตุให้เป็น
ตรวจวันหมดอายุบนฉลาก (เสริมค่ะว่าฉลากวันหมดอายุบนซองของDHCจะอ่านแบบญี่ปุ่นคือจากขวาไปซ้ายนะคะ)
อ่านฉลากและเลือกชนิดที่มีวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณ 100% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับประจำวัน
บางชนิดมีคำว่า "ธรรมชาติ" เพื่อดึงดูดความสนใจว่าเป็นวิตามินจากธรรมชาติ แต่ปกติแล้วก็มีส่วนผสมของวิตามินสังเคราะห์ด้วยเสมอ$€คะ
บางชนิดระบุว่าเป็นสูตรลดความเครียด ซึ่งเป็นข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะไม่มีอาหารเสริมสูตรใดจะลดความเครียดทางอารมณ์ได้จริง
ควรเก็บวิตามินไว้ในที่แห้งและเย็น เพราะความชื้นจะทำให้วิตามินเสียคุณภาพ
Reference : CityVariety, Women.thaiplaza
วันที่: Wed Jan 08 03:00:13 ICT 2025
|
|
|